วันศุกร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เคล็ดไม่ลับเลี่ยงอาการแฮงก์โอเวอร์

อาการ "แฮงก์โอเวอร์" หรือ "เมาค้าง" คงจะเริ่มมาเยือนใครบางคนเข้าบ้างแล้ว ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองกำลังใกล้เข้ามา ไม่ว่างานไหนงานนั้นเป็นต้องมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้ามาเป็นส่วนประกอบของงาน ทำไมคนเราถึงเมาค้าง คำตอบง่ายๆ คือดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป แต่เชื่อเถอะว่าระหว่างดื่มนั้น ไม่เห็นมีใครยอมรับว่าตัวเองดื่มมากเกินไปเลยสักคน สำหรับเคล็ดลับป้องกันเมาค้าง ถ้าให้ดีที่สุดคืออย่าดื่มเหล้านั่นเอง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง เพราะฉะนั้น เหล่า "คอแป๊บ" "คอทองแดง" ทั้งหลายก็ควรจะระมัดระวังตัวกันไว้บ้าง ด้วยการเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ

หากรู้ว่าเย็นวันไหนต้องออกไปสังสรรค์เสวนาที่มีสุรายาเมา ก่อนเข้างาน ควรจะรองท้องด้วยอาหารที่มีไขมันดีๆไว้ก่อน อาจจะดื่มนมสักแก้วก็ได้ อย่าเข้าไปในงานทั้งที่ยังท้องว่าง

ขณะที่อยู่ในงาน ปาร์ตี้ ลองหันมาจิบน้ำหรือเครื่องดื่มเบาๆที่ไม่มีส่วนผสมของแก๊ส หรือแอลกอฮอล์ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลว และพยายามเตือนตัวเองไว้เสมอว่าให้ดื่มแต่พอสัณฐานประมาณ อย่าดื่มกินเผื่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย

เลิกงานแล้ว ถ้าเป็นไปได้หาโอกาสเดินกลับบ้านเพื่อสูดอากาศสดชื่นตอนกลางคืน ก็พอจะลดอาการเมาค้างได้บ้าง แต่ถ้าทำไม่ได้ควรเรียกแท็กซี่ หรือให้เพื่อนขับไปส่ง ท่องเป็นคาถาไว้เลยว่า "เมาไม่ขับ"

ก่อนนอน ควรดื่มน้ำ หรือน้ำส้ม น้ำผสมวิตามินซีเพื่อช่วยเร่งการเผาผลาญแอลกอฮอล์ในตับ อย่าลืมกินขนมปังปิ้งก่อนนอนสักนิด หรือดื่มเครื่องดื่มผสมเกลือแร่สำหรับนักกีฬาก็ได้

ตื่นขึ้นมาควรกินอาหารเช้าจำพวกที่มีโปรตีน อย่างไข่ดาว และดื่มน้ำส้มด้วย ก็จะช่วยกวาดล้างสารเคมีจากการเผาผลาญแอลกอฮอล์ที่ตกค้างในตับได้

ไม่ต้องวิตกเกินไปถ้ารู้สึกปวด หัวแทบแตก แค่กินยาแก้ปวดเข้าไป นอนพักอีกนิด อาการเมาค้างจะอยู่กับเราไม่นาน แค่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง มันก็โบกมือลาแล้ว อดทนเข้าหน่อย เดี๋ยวพอมีแรงก็จะออกไปต่องานหน้าได้อีก

พร 4 ข้อจากท่าน ว.วชิรเมธี

1. อย่าเป็นนักจับผิด
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง 'กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก' คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส 'จิตประภัสสร' ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี'แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข'

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา
'แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน'
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า 'เจ้ากรรมนายเวร' ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น 'ไฟสุมขอน' (ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี 'แผ่เมตตา' หรือ ซ! ื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง
90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ 'ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น'
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ 'อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน'
'อยู่กับปัจจุบันให้เป็น' ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี 'สติ' กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ
'ตัณหา' ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ 'ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม'
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เ ช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลาไม่ใช่มีไว้ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า 'เกิดมาทำไม' 'คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน 'ตามหา 'แก่น' ของชีวิตให้เจอ
' คำว่า 'พอดี' คือ ถ้า 'พอ' แล้วจะ 'ดี' รู้จัก 'พอ' จะมีชีวิตอย่างมีความสุข'

วิธีเอาชนะใจ ... ผู้หญิง

สำหรับชายหนุ่มทั้งหลายที่อยากจะเอาใจแฟนสาวของคุณ แต่ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ผู้หญิงต้องการอะไร ไฉนถึงเอาใจยากเย็น... คุณผู้ชายทั้งหลายที่มัวแต่เฝ้าสงสัย(แต่ไม่เคยลงมือทำอะไร)ว่า ...เออหนอ... ผู้หญิง...ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เข้าใจยากเย็นเสียนี่กระไร ลองมาทำความเข้าใจกับบทความที่ว่านี้ดูดีมั้ย บางทีสิ่งที่เป็นปริศนามาตลอด อาจพบคำเฉลยอยู่ในนี้

ก่อนอื่น...คุณต้องรู้จักและเข้าใจผู้หญิงอย่างถ่องถ้วนเสียก่อน คุณถึงจะได้หัวใจจากเเจ้าหล่อนไปทั้งดวง แล้วคุณเคยรู้มั้ยว่า...จริงๆแล้วผู้หญิงต้องการอะไร? ร้อยทั้งร้อย ขึ้นชื่อว่า ผู้หญิง ทุกคนต่างก็ต้องการการถูกทะนุถนอม ต้องการให้ชายหนุ่มให้เกียรติ เห็นคุณค่า และปกป้องให้เธอรู้สึกปลอดภัย อยู่ตลอดเวลา...

เธอต้องการ ผู้ชายที่เธอสามารถไว้ใจได้ เพราะความไว้ใจ จะสามารถให้เธอแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น และนั่นหมายถึง เธอเปิดรับชายผู้นั้นไว้ในหัวใจเรียบร้อย จะบอกให้ว่า ผู้หญิงน่ะเกลียดนักแล ผู้ชายที่ชอบโชว์ออฟ (ทั้งที่ไม่น่าจะมีอะไรมาโชว์ใครเขาได้)

เธอต้องการฮีโร่ ที่อ่อนไหวเล็กๆ อ่อนโยนน้อยๆ (ไม่ใช่เข้มแข็งซะขนาดเหล็กกล้ายังดูเหลว) ฮีโร่ที่บางครั้งก็แสดงความอ่อนแอ และไม่กลัวที่จะแสดงความรู้สึกนั้นออกมาให้เห็นบ้างบางคราว เพราะฮีโร่ก็คือสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า...มนุษย์เช่นกัน

ฮีโร่ของหญิงสาวจะรู้ว่าเขาควรใช้เสน่ห์ หรือส่วนใดของเขามามัดใจหญิงสาว ได้บ้าง (บางครั้ง ก็อาจทำไปโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เพราะอาจเป็นโดยเนื้อแท้) เขาจะมั่นใจว่าเขา'มีดี' ผู้ชายทุกคนสามารถเป็นฮีโร่ได้ทั้งนั้น ถ้าหญิงสาวต้องการให้ชายหนุ่มของเธอเป็น...

ผู้หญิงคนไหนก็อยากมีความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับชายหนุ่มแสนดีทั้งนั้น ไม่ใช่แค่เดทกันคืนวันเสาร์ หรือว่านัดดูหนังกันประเดี๋ยวประด๋าว (หรือ กิ๊ก อะไรทำนองนี้) เพราะฉะนั้น นี่คือคัมภีร์ ฉบับล่า ที่จะบอกคุณว่า ชายหนุ่มแสนดีที่ว่าควรจะเป็นเช่นใด...

1. ชายหนุ่มแสนดีจะต้อง.....มั่นใจว่าตัวมีดีพอที่จะดูแลทะนุถนอม ผู้หญิงได้อย่างดี

2. ชายหนุ่มแสนดีจะต้อง....รับฟังอย่างซื่อสัตย์ เขาจะไม่ขัดจังหวะเวลาที่ผู้หญิงพูดเด็ดขาด (พูดจบแล้วค่อยว่ากัน)

3. ชายหนุ่มแสนดีจะต้อง....ให้ความสนใจและเคารพเธอ

4. ชายหนุ่มแสนดีจะต้อง....คอยเปิดประตูให้(ไม่ใช่ผลักประตูเข้าไปก่อน จนเด้งกลับมาตีหน้าแฟนที่เดินตามหลัง) อย่าลืมคอยเลื่อนเก้าอี้เวลาเธอจะนั่งด้วย

5. แค่สี่ข้อที่กล่าวมา ปฏิบัติให้ได้ทุกข้อก่อน อย่างไรก็ดี ถ้าชายหนุ่มชอบหญิงสาวอย่างจริงจังแล้ว เขาก็จะแสดงออกมาจากทุกการกระทำนั่นแหละ


ว่ากันถึงทฤษฎีกันไปแล้ว ขั้นต่อไปเป็นการปฏิบัติจริง... แล้วคุณจะทำอย่างไรให้แฟนสาวรู้สึกว่าเธอเป็นที่รัก?.... กลเม็ดเล็กน้อยที่จะได้ใจผู้หญิงไปเลย10ดวง ออกมาจากปากผู้หญิงโดยตรงเชียว...

1. การกระทำเล็กๆน้อยๆนี่คุณแสดงออกมานี่แหละ ผู้หญิงช่างจดช่างจำดีนักแหละ

2. บอกเธอว่าคุณจะรักเธอเสมอไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง

3. เอาดอกไม้ไปวางบนหมอนตอนเช้า

4. หรือว่า อาหารเช้าบนเตียงเป็นไง

5. ทำให้เจ้าหล่อนรู้ว่า จะไม่มีภยันตรายใดๆ มาทำร้ายเธอได้

6. เมื่ออยู่กับเธอ อย่าเบนความสนใจให้เรื่องอื่น

7. รักษาความสัมพันธ์ต่อกันให้ซู่ซ่าอยู่ตลอดเวลา ด้วยการพยายามทำให้คุณเธอประหลาดใจ(ขอแบบประทับใจ)อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

8. เป็นแรงผลักดันและสนับสนุนเจ้าหล่อน ทำให้หล่อนรู้สึกว่าถูกรัก และเมื่อรู้สึกว่ารักแล้ว เธอจะมีความมั่นจและไม่กลัวที่จะเสี่ยงในหน้าที่งานที่เธอทำ แม้มันจะน่ากลัวก็ตาม

9. รับฟังความเห็นของเธอ โต้แย้งหรือแสดงความเห็นอย่างยินดี

10. ตื่นเต้นและภาคภูมิใจในตัวเธอและอาชีพการงานของเธอ

11. ทำตัวเป็นเพื่อนสนิท เพราะเพื่อนสนิทจะรักและยอมรับเธอได้ในแบบที่เธอเป้น ไม่ว่าจะอ้วนขึ้นสัก10กิโลก็ตาม

12. อ่อนโยน เจ้าความคิด และทำให้เธอหัวเราะได้

13. เอาความโรแมนติกเข้าว่า

14. บอกเธอว่า คุณรักเธอ

15. วิธีที่คุณปฏิบัติต่อเธอจะแสดงให้เธอเห็นเองว่าคุณรักเธอมากแค่ไหน

16. แสดงออกถึงความรักในหลาย ๆ รูปแบบ

17. ใส่ใจดูแล เป็นห่วงเป็นใย ซื่อสัตย์ และให้ความเคารพ

18. เธอชอบของขวัญที่คุณให้ทุกชิ้นนั่นแหละ แต่จะชอบมาก ถ้าของขวัญชิ้นนั้นใส่ความรู้สึกลงไปด้วย

19. เป็นแรงกำลังใจให้เธอก้าวเดินสู่จุดหมาย ที่ว่ามาทั้งปวง หวังเพียงว่าผู้ชายอย่างคุณๆจะเข้าใจผู้หญิงอย่างเราๆบ้างๆ อาจไม่ต้องทำทั้งหมดนั่น ขอแค่เพียงข้อเดียวแต่เป็นข้อเดียวที่คุณทำออกมาด้วยหัวใจ หญิงสาวของคุณก็ถอนตัวไม่ขึ้นแล้วแหละค่ะ...


และเมื่อหัวใจของเธอมาอยู่ในกำมือของคุณแล้ว อย่าลืมแบ่งหัวใจของคุณไปไว้ในกำมือของเธอบ้าง ใส่ใจซึ่งกันและกันอย่างเสมอ ให้ประโยคที่ว่าไว้ว่า "รักของเราไม่เก่าเลย" ถูกหยิบยกเอามาใช้เป็นปุ๋ยพันธ์ดี หล่อเลี้ยงหัวใจ และชีวิต ให้ดำเนินอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความหวัง...ต่อไป

รักษาสิว ด้วยหัวหอม

หัวหอมที่ชอบทานกันนั้น ทราบหรือไม่ว่า สามารถนำมารักษาสิวได้ ในหัวหอมสดประกอบด้วยน้ำมันหอม ระเหย (Vilatile Oil) ซึ่งประกอบด้วยไดอัลลิน ไตรซัลไฟต์ (Diallyn Trisulfide) เช่นเดียวกับที่พบในกระเทียม นอกจากนี้ยังมีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการยับยั้งแบคทีเรีย ลดไขมันเส้นเลือดอันเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ทำให้เจริญหาอาหารและช่วยย่อยอาหาร นอกจากนั้นยังพบอีกว่าในหัวหอมยังมีสารฟอสฟอรัสในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยให้ความจำดีอีกด้วย

ประโยชน์ของหัวหอมนอกจากบำรุงร่างกายแล้วยังรักษาสิวได้อีกด้วย

วิธีทำ คือ ทุบหรือฝานหัวหอมแดงให้เป็นแว่นบาง ๆ ใช้ทาบริเวณที่เป็นสิว ฝ้า หรือ จุดด่างดำ ไม่กี่สัปดาห์ สิว ฝ้า หรือจุดด่างดำ ก็จะหายไป

บริหารสะโพกให้ดูดี

ครที่คิดว่าตัวเองมีสะโพกใหญ่เกินไป ใส่อะไรก็ไม่สวย วันนี้เกร็ดความรู้มีการบริหารสะโพกให้ดูดีมาฝากกัน...

วิธีแรก ควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการเต้นแอโรบิก การวิ่ง ปั่นจักรยาน การบริหารเฉพาะส่วน ฯลฯ เป็นวิธีที่ช่วยให้สะโพกสวย แน่น และกระชับมากขึ้น คนอ้วน หรือผอมก็สามารถใช้วิธีนี้ได้

วิธีที่สอง ควบคุมอาหาร แต่ไม่ใช่อดอาหาร เลือกรับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์มากกว่ารับประทานตามใจปาก ควรทานให้ครบทั้ง 3 มื้อ และหยุดทันทีถ้ารู้สึกอิ่ม ลดอาหารจำพวกที่ให้พลังงานสูง และอาหารรสจัด หวานจัด มันจัด ควรดื่มนมที่พร่องมันเนย ของขบเคี้ยว ให้เลือกทานประเภทพืชเปลือกแข็งแทน เช่น ถั่ว เม็ดแตงโม ฯลฯ

วิธีที่สาม
การนวดมีประโยชน์มากกับขาช่วงต้นขาด้านบน ด้านหน้าและหลัง โดยเฉพาะช่วงต่อจากก้นลงมา เพราะถ้าบริเวณนี้มีไขมันมากจะทำให้สะโพกห้อยและย้อยได้ นอกจากนี้การนวดยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต รวมทั้งกำจัดของเสียและไขมันที่สะสมอยู่ใต้ผิวหนังด้วย สำหรับการนวดที่ดีคือ ให้ใช้ครีมที่ใช้ขจัดไขมันใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนวด ควรเป็นตอนก่อนนอน หลังอาบน้ำในตอนเช้า หรือก่อนทานอาหารหนึ่งชั่วโมง ควรใช้ครีมนวดติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ ถ้าใช้ ๆ หยุด ๆ จะไม่เห็นผล และหยุดใช้ครีมนวดทันทีถ้าเกิดอาการแพ้

วิธีที่สี่
การขัดผิว จะช่วยในเรื่องของการแตกลาย จุดด่างดำ ผดผื่นแดง และรอยหยาบกร้านให้หมดไป สามารถขัดผิวได้ด้วยตัวเองโดยใช้น้ำมันขัดผิวที่ทำขึ้นเองแบบง่าย ๆ และประหยัด โดยนำเกลือเม็ดใส่ลงในขวด กะปริมาณตามที่ต้องการใช้ จากนั้นเติมน้ำมันมะกอกลงไป สังเกตุให้เกลือดูดซึมน้ำมันจนหมดอย่าให้แห้ง หรือเปียกเกินไป เติมน้ำหอมกลิ่นที่ชอบลงไปสัก 2-3 หยด จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นในขณะที่ขัดผิวให้ขัดเป็นวงกลมในบริเวณที่เกิดรอย หยาบกร้าน

วิธีสุดท้าย การเสริมแต่งด้วยชุดชั้นใน เป็น วิธีที่กำลังมาแรงและง่ายที่สุด ผู้หญิงยุคใหม่ที่อยากมีสะโพกสวยมักหันไปพึ่งชุดชั้นใน (INNERWEAR) แทน เพื่อช่วยเสริมบุคลิกภาพที่ดีแก่ผู้สวมใส่ จะช่วยจัดทรงให้แก่ผู้สวมใส่ เน้นรูปร่างสัดส่วนมากขึ้น ไม่ว่าหน้าอก เอว หน้าท้อง สะโพก

ถ้าอยากมีสะโพกที่ดูดี ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันดูได้.

เบื่อแล้ว...จะอยู่หรือไปดีนะ

มันเบื่อเหลือทน เบื่อจนเลยขั้นตอนของการทะเลาะเบาะแว้งไปแล้ว เขาว่ากันว่า ถ้าคู่รักยังทะเลาะทุ่มเถียงกันอยู่ ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี แสดงว่าต่างฝ่ายยังต้องการให้คนรักรับรู้ความต้องการของตัวเอง แต่ถ้าไม่เถียงไม่พูดไม่จา แสดงว่าความรู้สึกมันไม่มีเหลือ แม้แต่ความสนใจให้กันก็ยังไม่มี ถือว่าเข้าขั้นหายนะ

ลองมาดูกันดีกว่าว่าถึงเวลาที่จะเดินจากไปแล้วหรือยัง

อย่าตัดสินใจด้วยการขุดอดีตขึ้นมาพูด ถ้าเราเกิดความรู้สึกแง่ลบกับอีกฝ่าย เรามักจะขุดเรื่องในอดีตมาพูด และเติมสีใส่ไข่เล่าให้คนอื่นฟัง แน่นอนว่าทุกคนต้องแนะนำให้เลิกกัน แต่ถ้าเราระบายสีซะเลิศเลอ ก็จะไดัรับคำแนะนำให้อยู่กันต่อไป

ทนอยู่เพราะไม่กล้าเลิก ขี้เกียจไปหาคนใหม่ จะยอมเสียเวลาในชีวิตเพื่อแห้งตายอยู่กับผู้ชายคนนี้ทำไมเล่า รวบรวมความกล้า ออกจากวังวนศาลาคนเศร้ามาเริ่มชีวิตใหม่ดีกว่า

เราและเขาเต็มใจแก้ปัญหาด้วยกันแค่ไหน เราเป็นคนประเภทพอข้างของหักพัง ก็โยนทิ้งแล้วซื้อใหม่หรือเปล่า

ถ้าเลิกไปแล้วหาแฟนใหม่ไม่ได้ล่ะ วู้ย ขอร้องกันตรงนี้เลยค่ะ ถ้ากลัวดูทีวีเหงาคนเดียว หาน้องเหมียวหรือน้องหมาสักตัวสิค่ะ

ทุกอย่างอกเงยไปไกล เมื่อสองปีที่แล้วอาจเข้ากันได้อยู่กันดี แต่นานวันเข้าวิถีชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลง แยกคนสองคนไปคนละทิศคนละทาง เกิดช่องว่างมากขึ้นทุกขณะ

ลองแจกแจงรายการ ลองจดลงกระดาษดูซิว่า เราจะได้อะไรจากการอยู่ต่อไป ทางด้านจิตใจเขาอาจให้ความรักและความรู้สึกมั่นคง เป็นบ่าให้ซับน้ำตา ให้คำปรึกษาที่ดี ให้จุดสุดยอดที่เจ๋งมากๆ ในทางปฏิบัติเขาอาจช่วยจ่ายค่าผ่อนบ้าน หรือค่าเช่าบ้านครึ่งหนึ่ง และทำให้เราไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว แจกแจงสิ่งดีๆ ที่เขานำเข้ามาในชีวิตเรา แล้วถามตัวเองว่า เราพอใจกับสิ่งเหล่านี้หรือยัง จากนั้นเขียนสิ่งที่เราจะได้จากการเลิกรา ข้อดีทั้งหลายเขียนลงไปให้หมด เช่น มีเวลาส่วนตัวมากขึ้น มีโอกาสได้พบคนที่เหมาะกันมากกว่า มีอิสระในการเดินทางท่องเที่ยว

ต้องการเวลาตัดสินใจ เราอาจอยากเดินทางท่องเที่ยวเพื่อทำใจให้สบาย ใช้เวลาคิดเรื่องนี้สัก 6 เดือน ลองถามอีกฝ่ายดูก่อนค่ะ อย่าเพิ่งคิดเอาเองว่าเขาจะไม่ยอมให้เราไป

ตัดสินใจถูกหรือยัง ถ้าตัดสินใจไปแน่นอน ลองสำรวจตัวเองดูสิว่ารู้สึกตื่นเต้นกับอนาคตบ้างไหม ราวกับความเจ็บปวดจากการบอกเลิกกับเขาได้หายไปแล้ว เรารู้สึกโล่งอกหรือเปล่า ในกรณีที่ตัดสินใจอยู่ต่อ เรารู้สึกผูกพันใกล้ชิดกับเขามากขึ้นหรือไม่ และตั้งตารอคอยให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนแปลงไปในแบบที่ต้องการหรือเปล่า

ถึงเวลาไป ถ้า....

เราและเขาเหลือสิ่งที่สนใจร่วมกันเพียงไม่กี่อย่าง เช่น งานอดิเรก เซ็กซ์ และน้องหมา

อีกฝ่ายไม่ยอมเปลี่ยนแปลงหรือประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่ยอมรับว่ากำลังมีปัญหา ถึงแม้ว่าเราจะเปิดปากสารภาพว่าตอนนี้ไม่แฮปปี้เอาซะเลย

เขาปฏิบัติกับเราอย่างเลวร้าย

เขาเอาเปรียบเรา หรือเราเบื่อเสียจนหมดความกระตือรือร้น อย่าว่าแต่หอมแก้มทำกุ๊กกิ๊ก แค่แตะเนื้อต้องตัวกัน ยังหมดอารมณ์

เรารักเขาแต่ไม่ได้ชอบเขามากมายอะไร อาจฟังดูแปลก แต่ความรักไม่ใช่เหตุผลที่จะคาราคาซังอยู่ต่อไป เรารักเขาในระดับหนึ่งแต่ไม่เหมาะทีจะอยู่กันในระยะยาว ถ้าเราอยู่กับใครสักคนในระยะยาว แน่นอนว่าเรายังแคร์อีกฝ่ายอย่างมาก และมีความทรงจำร่วมกันทั้งดีและเลวมากมาย แต่ถ้าสมองคอยแต่บอกว่า เราและเขาช่างแตกต่างกันเหลือเกิน แถมเรายังสุขล้นกับสิ่งที่เราเป็น ถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์จากคนรักเหลือเพียงความเป็นเพื่อน

เรื่องง่ายๆ ที่ผู้หญิงเรา..อยากให้..ผู้ชายรู้

1. การที่เธอโทรหาคุณบ่อยๆ
และชอบถามคุณว่า อยู่ไหน อยู่กะใคร นั้น แหละ รู้มั้ยว่าเค้าเป็นห่วงคุณ ผู้ชายหลายคนอาจจะรู้สึกเบื่อ รำคาญ แต่คุณรู้มั้ย จริงๆแล้วเธอไม่ได้อยากโทรไปกวนคุณหรอกนะ เธอแค่เป็นห่วงคุณ อยากรู้ความเป็นไปของคุณเท่านั้นเอง หัดเข้าใจผู้หญิงซะบ้างซิ

2. การที่เธอขี้หึงจนออกนอกหน้า
คุณ อย่าคิดรำคาญเชียวนะ รู้ไว้นะว่านี้แหละ คือการกระทำที่จะบอกว่า เธอรักคุณมากที่สุด ฉันรู้ว่านิสัยเจ้าชู้มันคือนิสัยของผู้ชายหลายๆคนอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยถ้าคุณมีแฟนอยู่แล้วก้อน่าจะลดๆลงหน่อย ห้ามเอานิสัยหรือคำพูดที่ทำกับแฟนคุณไปทำกับผู้หญิงคนอื่นเด็ดขาด รู้มั้ยว่า ถ้าเธอรู้เธอจะเสียใจมากแค่ไหน

3. หากวันไหนที่ทะเลาะกัน ไม่ว่าเธอจะผิดหรือคุณจะผิด
แต่ ถ้าเธอร้องไห้ ให้รู้ไว้นะว่านั้นมันคือน้ำตาที่ออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ไม่ใช่การเสแสร้งแต่ประการใด รู้มั้ย ถ้าเธอไม่รักคุณ เธอจะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นหรอกนะ

4. เวลาเธอมีปัญหาหัดรับฟังเธอบ้างรู้มั้ย
อย่า เห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเองแล้วไม่อยากรับฟังซะละ การที่เธอเอาปัญหาของเธอมาบอกกับคุณ นั้นแสดงถึงความไว้ใจที่เธอมีต่อคุณนะรู้มั้ย ถึงแม้ปัญหาของเธอนั้น คุณจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยแค่คุณพูดปลอบใจเธอ มันก้อทำให้เธอรู้สึกดีแล้วละ อย่างน้อยคุณก็ทำให้เธอรู้สึกว่า เธอยังมีคุณอยู่ข้างๆ เสมอ

5. หากวันไหนเธอป่วย หรือไม่สบาย ก้อหัดไปดูแลเธอบ้าง
แต่หากไปไม่ได้ก็ควรโทรไปหา ถามอาการบ้าง และก็หัดพูดคำว่า เป็นห่วงนะ ให้เธอฟังซะบ้าง รู้รึป่าวว่ามันจะทำให้อาการดีขึ้นเร็วกว่าทานยาที่หมอให้มาซะอีก

6. อย่าปล่อยให้เธอต้องรู้สึกว่าคุณเริ่มเปลี่ยนไป
เพียงเพราะคุณไม่มีเวลาว่างให้กับเธอเท่านั้น อย่างน้อยถ้าหากคุณไม่ว่างก็น่าจะบอกเธอก่อน เธอจะได้ไม่ต้องห่วงคุณมากเกินไป ว่า ตอนนี้คุณจะเป็นอะไรรึป่าว หรือว่าคุณอยู่กะผู้หญิงคนไหน รู้ไว้นะ โรคประจำตัวของผู้หญิงคือ โรคคิดมาก เนี่ยแหละ ถ้าคุณไม่รีบเคลียร์นะ เธอจะคิดไปได้ไกลแสนไกลเลยแหละ

7. อย่าเห็นว่าการเอาแต่ใจตัวเองของเธอเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ
เพราะ นี่มันคือนิสัยของผู้หญิงทุกคนอยู่แล้ว สาเหตุของการชอบเอาแต่ใจตัวเองของเธอ มันไม่ได้มีอะไรมากหรอก เธอแค่อยากเป็นคนที่สำคัญที่สุดของคนที่เธอรักมากที่สุดเท่านั้น ซึ่งคน ๆ นั้นก็คือคุณ

8. อย่ามองว่าผู้หญิงเป็นคนไร้เหตุผล
เพราะอันที่จริงแล้วเหตุผลของเธอมีมากมายกว่าเหตุผลที่คุณคิดได้ซะอีก เพียงแต่เธอไม่อยากพูดเท่านั้นเอง ทีนี้คุณพอที่จะเข้าใจรึยังละว่า ความรู้สึกของผู้หญิงที่เวลาเธอรักคุณมากมันเป็นยังไง มันคงไม่ยากหรอกนะ ถ้าคุณจะพยายามหัดเข้าใจเธอซะใหม่ อย่าปล่อยให้คนที่เค้ารักคุณมากที่สุด ต้องเจ็บปวดมากที่สุดเพราะคุณเลย

จะใจอ่อนกับรักเก่าไปถึงไหน

คาด ว่าสาว ๆ หลาย ๆ คนน่าจะเคยมีอารมณ์เซ็งเป็ดกับแฟนตัวดี ที่ใจดี๊ ... ใจดีกับแฟนเก่าเสมอ จนบางครั้งคุณก็อดที่จะระแวงและหงุดหงิดไม่ได้ มาลองฟังเหตุผลของหนุ่ม ๆ เค้าดูไหมว่าทำไมยังมีเยื่อใยกับแฟนเก่าอยู่อีก


แม้จะเลิกคบแต่ไม่ได้เลิกรัก นั่นเป็นเหตุผลอันดับต้น ๆ ที่ผู้ชายมักจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออดีตแฟนเมื่อรู้ว่าเธอมีเรื่องร้อนใจ ประหนึ่งว่าไม่อาจจะทำได้เหมือนเดิม แต่ก็ขออยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจก็ยังดี เพราะว่าเขายังคงจำภาพเก่า ๆ ระหว่างเขากับเธอได้อยู่ และยังคงนึกถึงแต่วันเก่า ๆ ที่ดี ๆ เอาไว้เลยทำให้เขาใจอ่อนกับพวกเธอทุกที


ก็เธอขี้อ้อน ผมเลยใจอ่อนไงคร๊าบบบ อันนี้หนุ่ม ๆ หลายคนบอกเลยว่า ถ้าเจอแฟนเก่าที่ขี้อ้อน ๆ มักจะยอมใจอ่อนให้ทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่เขาก็ยินดีทำตามที่เธอขอร้อง ยิ่งถ้าเป็นคนดี แล้วยังขี้อ้อนด้วย ยิ่งตัดใจลำบากมาก ๆ


ก็แบบว่าหวงก้าง คืออะไรที่มันเคยเป็นของเค้า พอจะต้องเปลี่ยนไปเป็นคนอื่นเขาก็เลยเกิดรู้สึกหวงขึ้นมามันก็เท่านั้น หนุ่ม ๆ บอกว่าบางทีมันก็ไม่รู้ตัว พอมารู้ตัวอีกทีก็ดันหึงออกนอกหน้าไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีคนใหม่ก่อนฝ่ายหญิงเสียอีก สงสัยจะเป็นข้อเสียของผู้ชาย(บางคน)ไปละมั้งนะ

ถึงร้ายก็รัก คือแบบว่าคนเราบนโลกนี้มีล้านแปดแต่การที่คนสองคนจะมาจูนกันได้ มันก็เป็นเรื่องแปลกแล้ว ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าบางครั้งเขาก็ยังงมงายกับรักเก่า ๆ อยู่ หรืออาจจะยังไม่เปิดใจรักใครใหม่ แม้ว่าจะมีคนมาอาสาอยู่ข้างกายข้างใจน่ะ เคยฟังไหมเอ่ย คนดี ๆ ทำไมไม่รัก ของไอซ์น่ะ ก็บางครั้งความรักมันก็ไม่มีเหตุผลนี่หน่าทำยังไงได้


เพราะผู้ชายเป็นผู้ชาย และผู้หญิงเป็นผู้หญิง งงหรือเปล่าเอ่ย .... มันก็อารมณ์เดียว "ผีเห็นผี" นั่นแหล่ะ ผู้หญิงมักจะเดาทางผู้หญิงด้วยกันออกว่า คนนี้มาแบบนี้มีอะไรในใจแน่ ๆ ในขณะที่ผู้ชายอาจจะไม่คิดแบบนั้น แต่ในทางกลับกัน เราเองก็มักจะดูไม่ค่อยออกว่าผู้ชายมาแบบไหนถึงเรียกว่ามาแบบตัวร้าย ในขณะที่ผู้ชายด้วยกันเองมองแป๊บเดียวก็เดาตอนจบได้ล่ะ มันก็เป็นแบบนั้นแหล่ะ


ถ้าหากว่าคุณเผลอใจไปกับคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนมาใหม่ ๆ ก็คงต้องทำใจกันหน่อย ยิ่งคบกันมานานก็ต้องทำใจมาก ๆ พยายามอย่าไปเซ้าซี้หรือวุ่นวายกับเขาเกินไป แต่ก็อย่าละเลยจนเกินไปเช่นกัน ควรจำทำตัวให้เขาระลึกเสมอว่าคุณกับเขา เราคบกันอยู่

และที่สำคัญก็อย่าลืมไว้ใจเขาหน่อย เพราะถ้ารักแต่ไม่ไว้ใจกันจะทนรักไปทำไมล่ะจริงมั้ย ในเมื่อต้องอยู่แบบระแวงตลอดเวลาเนี่ย

นิทานนานาชาติ : นกสีฟ้า 2

ชีอาวาเซ...โนะ...อาโอ้ย...โทริ นกสีฟ้า..นกแห่งความสุข

" พวกนกสีฟ้าที่อยู่ในห้องนี้...ทุกตัวคงเป็นแค่ภาพลวงตาทั้งหมด..แน่เลย..ส่า..สงสัยจะไม่มีนกสีฟ้า ในปราสาทแห่งนี้แล้วหละ !" เทพธิดาแห่งแสงสว่างเอ่ยแล้วก็ชี้มือไปข้างหน้า "สงสัยนกสีฟ้าคงจะหนี ไปที่ป่านั่น...มา..เราไปที่นั่นกันเถอะ "...แปลกเหลือเกิน..มีป่าปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคนจริง ๆด้วย แล้วทุกคนก็เดินออกจากปราสาทมุ่งหน้าไปที่ป่านั้นทันทีทันใด...แต่ว่า! เหมือนมีเมฆหมอกแห่งการ ขัดขวางเพราะก็ยังเหมือนเดิมอยู่อีกนั่นแหละ...เพราะในป่านั้น..เจ้าแมวตัวเดิมกำลังยืนพูดกับ "เจ้า แห่งต้นไม้ "..อยู่มิใช่หรือนั่น ??" ท่านเจ้าแห่งต้นไม้ ผู้ยิ่งใหญ่..จากนี้หละ..ท่านต้องแย่แน่เลย..ต่อ จากนี้จะมีลูก ๆของคนตัดไม้..จะเข้ามาทำการโค่นและตัดท่านเพื่อจับนกสีฟ้าตัวนั้น..ที่เกาะอยู่บน กิ่งของท่านในไม่ช้านี้..แล้วหละท่าน ! เรามาเตือนด้วยความเป็นห่วง " แล้วเจ้าแมวก็ชี้มือไปที่นกสีฟ้า ที่กำลังเกาะอยู่บนกิ่งของเจ้าแห่งต้นไม้ตัวนั้น...." " อะไรนะ ! เจ้าว่าจะมีลูก ๆของคนตัดไม้จะมาโค่นและตัดข้า อย่างงั้นหรือนี่ ? " เจ้าแห่งต้นไม้ ตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ ! แล้วในขณะนั้น จิรุจิรุและมิจิรุ ก็เดินทางมาถึงตรงที่บริเวณนั้นทันที " ที่นี่มี นกสีฟ้าหลงเข้ามาหรือปล่าว ? " พอสิ้นเสียงถามของจิรุจิรุและมิจิรุ..ก็มีเสียงของเจ้าแห่ง ต้นไม้ดังก้องกัมปนาทด้วยความโกรธตอบกลับมาว่า " ไม่มีทางที่จะให้นกสีฟ้ากับเจ้าทั้งหลายหรอก.. ฮึ ! " แล้วทันทีทันใดนั้น..เจ้าแห่งต้นไม้ก็บรรดาลให้เกิดลมพายุใหญ่ขึ้นมา..แล้วอะไรจะอย่างนั้น เมื่อลมพายุสงบลง..ก็เห็นพวกต้นไม้น้อยใหญ่ทั้งหมดในป่านั้นเริ่มขยับ..ขยับไปมาแล้วยืดแขนยืดขา ออกมา...และได้โปรดเถิดพระเจ้า ! พวกมันพร้อมใจกันออกลุกวิ่งพลูเข้าใส่พวกของจิรุจิรุและมิจิรุ.. ทันที..ฮี้..น่ากลัวเหลือเกิน....เร็ว..จิรุจิรุ...มิจิรุ..หนีกันเถอะ ! .... เมื่อพวกของจิรุจิรุและมิจิรุโดนไล่หนีหายออกจากป่าไปแล้ว นกสีฟ้าที่เกาะอยู่บนกิ่งของเจ้าแห่ง ต้นไม้ก็ตกใจและบินหนีหายลับไปจากป่านั้นทันทีเหมือนกัน...จิรุจิรุและมิจิรุเมื่อวิ่งหนีมาได้สักพัก ก็หยุดและพูดด้วยความเสียใจว่า " ที่ไหน? ที่ไหน? ก็ไม่มีนกสีฟ้าแน่ ๆเลย ..ฮื่อ ๆๆ" เทพธิดา แห่งแสงสว่างจึงพูดเชิงปลอบใจทั้งสองว่า " มันไม่ใช่สิ่งที่จะเจอง่าย ๆหรอกนะ..แต่มันจะต้องอยู่ ที่ไหน?สักแห่งแน่นอน..อย่าเพิ่งท้อถอยสิ...ส่า..จิรุจิรุและมิจิรุ...ที่นั่น "ปราสาทแห่งความสุข " ไปเราไปที่นั่นกันเถอะ " เทพธิดาแห่งแสงสว่างชี้มือไปข้างหน้า...แล้วก็น่าอัศจรรย์อีกแล้วเพราะที่ ตรงทางข้างหน้าของทั้งสองนั้น...ปรากฏมี "ปราสาทแห่งความสุข" ปรากฏขึ้น มิใช่หรือ?นั่น ! ที่ "ปราสาทแห่งความสุข " นั้นภายในปราสาททุกอย่างโอ่อ่าและมีแต่ของดี ๆมีค่ามากมายและ ยังมีเสียงเพลงบรรเลงขับกล่อมเจื่อยแจ้วอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย...ตรงกลางห้องมีโต๊ะอาหารตัวใหญ่ ตั้งอยู่และบนโต๊ะนั้นมีอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มมากมายจัดตั้งเรียงรายไว้..เหมือน กองภูเขาเลากา..เปรียบเหมือนอยู่บนสรวงสวรรค์ก็ไม่ปานเลยทีเดียว..." ที่นี่มีแต่ความฟุ่มเฟือย และของยั่วยวนใจ ทั้งนั้น...ดูเหมือนจะมีความสุขเสียเหลือเกินใช่ไหม?...แต่ถ้าอดใจไม่ได้หลง เคลิบเคลิ้มไปกับมันเข้าให้หละก็...แย่แน่ !..เพราะเพียงแค่หยิบของพวกนั้น เข้าปากแค่คำเดียว เท่านั้น..ก็จะทำให้ลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่าง..และจะไม่มีวันได้กลับไปบ้านของตนได้อีกเลย..และตลอด กาลเสียด้วย" เทพธิดาแห่งแสงสว่างพูดเตือนขึ้น จิรุจิรุและมิจิรุ..ถึงแม้ว่าจะอยากกินของ พวกนั้นเหลือเกิน..ก็พยายามอดใจและเดินห่างจากห้องนั้นออกมาโดยเร็ว..... จิรุจิรุและมิจิรุเมื่อเดินออกมาพ้นจาก " ปราสาทแห่งความสุข" แล้วก็มาพบ " สวนแห่งความสุข " ภายในสวนมี "เทพตัวน้อย ๆ" มากมายบินว่อนไปหมด และเมื่อพวกเทพน้อยทั้งหลายเหลือบมา เห็นทั้งสองเข้าก็พูดทักขึ้นพร้อม ๆกันว่า " ย่า..สวัสดี..จิรุจิรุและมิจิรุ " จิรุจิรุและมิจิรุ เห็นพวก เทพน้อย ทักชื่อตัวเองถูกก็ตกใจ " เอ๊ะ ! ทำไม?พวกท่านจึงรู้จักชื่อเราสองคนล่ะ ?" เทพน้อย ทั้งหลายจึงตอบมาว่า " ท่านสงสัยว่า..ทำไมจึงรู้จัก..อย่างนั้นหรือ ?..ก็เพราะเราอยู่กับท่านที่บ้าน ของท่านมาตลอดน่ะสิ " แล้วเมื่อเทพน้อยพูดจบ...ก็มีเสียงหนึ่งที่ทั้งสองคุ้น ๆเป็นอย่างดีดังขึ้น "ใช่แล้ว...อยู่กับเธอทั้งสอง มาตลอดเลยทีเดียว " เมื่อสิ้นเสียงจิรุจิรุและมิจิรุรีบหันไปมองทันที...อะไรกันนี่ ! นั่นแม่ของเขาทั้ง สองมิใช่หรือ ?..." แม่..แม่..นั่นแม่จริง ๆด้วย " ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปหา และกอดแม่ด้วยความคิดถึง ..." แม่จ๋า..เราคิดถึงแม่เหลือเกิน..แต่ทำไม ?วันนี้แม่ถึงสวยงามอย่างนี้ล่ะ ? " มิจิรุถามขึ้นด้วย ความสงสัย ?..." ตอนที่อยู่ที่บ้านน่ะ..ยากจน ใส่แต่เสื้อผ้าที่เก่าและสกปรก..แต่ที่นี่..ตรงนี้น่ะ คือรูปร่างที่แท้จริงของแม่..จ๊ะลูก " เมื่อแม่ของจิรุจิรุและมิจิรุพูดจบก็ค่อย ๆจางหายไปจากตรงนั้น...หายไปจริง ๆไม่มีร่องรอยอะไร เหลือไว้เลย...ทั้งสองพี่น้องจึงกอดกันร้องให้ออกมาทันที.."ฮื่อ ๆๆๆๆ"...เทพธิดาแห่งแสงสว่างจึง พูดขึ้นว่า " เมื่อได้กลับไปบ้านแล้วเมื่อนั้น..ก็จะได้พบกับแม่ของพวกเธออีกอย่างแน่นอน..อย่า เสียใจไปเลย..ส่า...เรารีบไปหานกสีฟ้าต่อกันเถอะ! " ทั้งสามจึงออกเดินทางไปสู่ " ปราสาทแห่ง อนาคต " ที่ปราสาทแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวปราสาทหรือสะพานและทุก ๆอย่าง..จะเป็นสีและลวด ลายเหมือนท้องฟ้า...สวยงามลานตาไปหมดเลยทีเดียว...... ภายในปราสาท มีพวกเด็ก ๆมากมาย...มากจนลานตาไปหมดและมากจนไม่สามารถที่จะนับ จำนวนได้เลยทีเดียว...เด็ก ๆพวกนั้นเดินป้วนเปี้ยนไปมากันให้เต็มห้องไปหมดเลยจริง ๆ... " ที่ปราสาทแห่งนี้ เป็นที่เฉพาะสำหรับพวกเด็กที่จะไปเกิดในอนาคตข้างหน้า เด็ก ๆจะ โดนกำหนดไว้ทุกคนแล้วว่า เขาจะต้องไปเกิดที่บ้านไหน? และรวมถึงการกำหนด ไว้แล้วด้วยว่า เมื่อไปเกิดแล้วและเมื่อเวลาเขาโตขึ้นจะต้องเป็นอะไรไว้อีกด้วย ?...โฮร่า.. ดูอย่างเด็กคนนี้สิ ! เห็นไหม ? เขาใส่หมวก ด๊อกเตอร์สีดำใบใหญ่กำหนดแน่นอนเลยว่า... โตขึ้นไปในอนาคตเขาจะต้องเป็น ครูหรืออาจารย์..อย่างแน่นอน..แล้วตรงนั้น...ได้เวลา แล้วหละ!..." คุณตาผู้กำหนดเวลา " ก็เดินออกมาแล้วเดินถือไม้ตรงไปที่ฆ้องใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ คู่กับเรือสำเภาลำใหญ่นั้น.."กอง...กอง..กอง.." ใช่แล้ว..ได้เวลาออกเดินทางแล้วหละ ! แล้วเทพธิดาแห่งแสงสว่างก็กล่าวทำลายความเงียบขึ้นว่า "ส่า...พวกเราก็เหมือนกัน...ได้เวลา ที่จะต้องกลับแล้วหละ ! " จิรุจิรุและมิจิรุจึงหันไปมองเทพธิดาแห่งแสงสว่าง คุณพระช่วย.. ที่บนมือของเทพธิดาแห่งแสงสว่างมีนกสีฟ้าเกาะอยู่นั่น..มิใช่หรือ ?นี่..จิรุจิรุและมิจิรุดีใจจน กระโดดโลดเต้น แล้วรับนกสีฟ้าที่เทพธิดาแห่งแสงสว่างยื่นส่งให้ใส่กรงทันที.." ขอบคุณ.. เทพธิดาแห่งแสงสว่าง..ขอบคุณท่านอย่างมาก " แล้วในขณะที่จิรุจิรุและมิจิรุ กำลังจะก้าวเท้า ออกไปข้างหน้า..ในฉับพลันทันทีนั้น..ทั้งสองก็เหมือนตกฮวบลงมาจากที่สูง..ตกมาลอย เคว้งคว้างอยู่บนท้องฟ้า..อยู่นี่มิใช่หรือ? "นี่เรากำลังจะตกลงไปสู่พื้นดินจริง ๆหรือนี่" จิรุจิรุรีบเอื้อมมือไปที่กรงนกสีฟ้า...แต่อะไรกันนี่อีกล่ะ..นกสีฟ้าที่อยู่ในกรงกลับกลายเปลี่ยน สีเป็นสีแดงทันทีแล้วบินหนีจากกรงไปทันทีด้วย..."ว้าย...ช่วยด้วย " ทั้งสองร้องขึ้นอย่างตกใจ... แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็ดับวูปไปฉับพลันทันทีนั้น..เงียบสงัด...แล้ว ! ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในท่าม กลางความเงียบทั้งหมด..." ทั้งสองคนเป็นอะไร? ไปหรือนี่..ตื่นเถอะ !ลูก..โฮร่า..ตื่นสิลูก " จิรุจิรุและมิจิรุมานอนอยู่ในเตียงของตนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ?...ทั้งสองรู้สึกเหมือนโดนปลุก จึงเมื่อค่อย ๆลืมตาขึ้นมา..ก็เห็นแม่ของพวกเขา...ยืนยิ้มให้อยู่ที่ข้าง ๆเตียง..นี่..นี่มันอะไร กัน...นี่มันความฝันหรือความจริงล่ะนี่ ? " แม่..แม่จริง ๆด้วย..พวกเราออกไปตามหานกสีฟ้า ไปตามสถานที่ต่าง ๆหลายที่เลยหละ...แต่หาเท่าไหร่ ๆก็หาไม่พบสักทีเลย.." แม่จึงพูดทั้ง รอยยิ้มว่า " นกสีฟ้าหรือลูก..ถ้าที่ลูกตามหาเป็นนกสีฟ้าละก็..อยู่ในกรงนี่ไง..พ่อเขาจับมา ให้ลูก ๆ เพื่อเป็นของขวัญ "วันคริสมาส" กับลูกน่ะ " แล้วแม่ก็ยื่น "นกสีฟ้า" ให้กับจิรุจิรุและมิจิรุ..เจ้านกสีฟ้าร้อง " จิ จิ จิ "..." ฮ่า ฮ่า ฮ่า..น่ารักจังเลย แล้วก็หาพบจนได้นะนี่..จิ จิ จิ เจ้านกสีฟ้า..เราสองคนนะแม่..ไปที่ปราสาทแห่งความสุข มาด้วยหละ...แต่ว่าถึงที่นั่นจะสวยงามและน่าอยู่แค่ไหน? พวกเราก็ชอบและรักที่นี่มากกว่า ที่นี่คือบ้านของเรา..ถึงจะยากจนแล้วแม่จะใส่แต่เสื้อผ้าเก่า ๆและสกปรกแค่ไหน...เราสองคน ก็รักที่นี่...และชอบมากที่สุดในโลกเลย " แล้วตรงนั้น..ยายที่อยู่ในเมืองก็มาที่บ้านของจิรุจิรุ และมิจิรุ " โอ้ยะ..โอ้ยะ...เธอทั้งสองหานกสีฟ้าจนพบหรือนี่...ขอบคุณหนูทั้งสองมาก..จิรุจิรุ และมิจิรุ..." แล้วเมื่อหลานของยายข้างบ้านได้เห็นนกสีฟ้าแล้ว..ก็หายเจ็บหายป่วยและอาการดีขึ้นมาอย่าง น่าอัศจรรย์เลยทีเดียว...ยายที่อยู่ในเมืองเล่าให้ทั้งสองฟังว่า " วันหนึ่งยายฝันเห็นเทพเจ้า...ท่าน บอกกับยายว่า ถ้าคนที่เรารักเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา..ให้ไปหานกสีฟ้าแล้วนำมาให้ดู..เมื่อเห็นแล้ว ก็จะหายจากการเจ็บป่วย...จริง ๆอย่างในความฝันบอกเลยหละ..เป็นความจริง..จริง ๆด้วย " จิรุจิรุและมิจิรุ เห็นหลานยายหายแล้ว..ก็จัดการปล่อยนกสีฟ้าให้เป็นอิสระ..เจ้านกสีฟ้าเมื่อ พ้นออกมาจากกรงแล้ว ก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า..ไปสู่ความเป็นอิสระ..และบินหายลับไปใน ที่สุด...แต่แม้ว่านกสีฟ้าจะจากไปแล้ว แต่เจ้านกแห่งความสุขตัวนี้ก็ยังจะบินอยู่ในใจของ เราอยู่เสมอ...และตลอดกาล....

นิทานนานาชาติ : นกสีฟ้า 1

ชีอาวาเซ...โนะ...อาโอ้ย...โทริ นกสีฟ้า..นกแห่งความสุข

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...มีครอบครัวคนตัดไม้ที่ยากจนมากอยู่ครอบ ครัวหนึ่งที่บ้านหลังนี้...มีพี่น้องสองคนอาศัยอยู่ คนพี่เป็นผู้ชายชื่อ จิรุจิรุและ คนน้องเป็นผู้หญิงชื่อ มิจิรุ...วันนี้เป็นวันคริสมาส..วันที่ทุกคนดีใจ แต่ที่บ้านของจิรุจิรุและมิจิรุ ไม่มีอะไรเลย...ด้วยเป็นเพราะความยากจน จึงไม่มีต้นคริสมาสและไม่มีแม้แต่อาหารเพื่อขอบคุณพระเจ้า...รวมทั้ง งานเลี้ยงอะไรกับใครเขา...มิจิรุ นั่งมองบ้านตรงข้ามสนุกสนานจัดงาน เลี้ยงฉลองต้อนรับวันคริสมาส..มองต้นคริสมาสที่บ้านนั้นจัดและตบแต่ง ไว้อย่างสวยงาม มิจิรุ มองอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วพูดกับผู้เป็นพี่ว่า "เน้..พี่ จิรุจิรุ..อยากให้บ้านเรามีต้นคริสมาสเหมือนอย่างที่บ้านนั้นจังเลย..ดูสิ ทำไมถึงสวยอย่างนี้ก็ไม่รู้...เฮ้อ..สวยจังเลย " จิรุจิรุ ผู้พี่มองน้องสาวด้วย ความสงสาร..แต่เขาก็ได้แต่ทอดถอนใจเพราะบ้านของเขานั้นยากจนจึง ไม่มีพลังที่จะไปเลียนแบบกับใครเขาได้...ดูเอาแต่ว่าวันนี้เถอะ..วันนี้เป็น วันคริสมาสนะนี่...แต่พ่อกับแม่ของเขาทั้งสองก็ยังต้องออกไปทำงาน กลางหิมะอันหนาวเย็น และยังไม่รู้เลยว่า..อีกกี่วันถึงจะเสร็จและจะ กลับมาบ้านได้วันไหนเลยนี่.... ขณะที่จิรุจิรุและมิจิรุ กำลังถอดอกถอนใจมองบ้านตรงข้ามด้วยนึก อิจฉาต้นคริสมาสของเขาอยู่นั้น ยายที่อยู่ในหมู่บ้านก็มาที่บ้านของ จิรุจิรุและมิจิรุ " ขอโทษทีนะ..บ้านของหนูทั้งสองมี "นกสีฟ้า"หรือปล่าว จ๊ะ...หลานของยายไม่สบายมาก..จำเป็นที่จะต้องมีนกสีฟ้าอย่างมาก เลยหละ.." จิรุจิรุ ฟังแล้วจึงตอบยายข้างบ้านไปว่า " ที่บ้านมีแต่นกแก้ว จ๊ะ..ยาย แล้วก็ไม่ได้เป็นสีฟ้าอย่างที่ยายต้องการเสียด้วย.." "เฮ้อ..ไม่ใช่นกสีฟ้าหรอกหรือ....นี่จิรุจิรุและมิจิรุ ช่วยไปตามหานกสีฟ้า ให้ยายหน่อยได้ไหม? ยายจำเป็นที่จะต้องมีนกสีฟ้าตัวนั้น..อย่างที่สุด" " ได้สิยาย...แต่ว่าเราสองคนไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน? แล้วจะไปตามหาได้ที่ไหน?.. ล่ะยาย.." ยายที่อยู่ในหมู่บ้านจึงหยิบหมวกใบหนึ่งออกมาแล้วส่งให้จิรุจิรุ...... เป็นหมวกสีสวยสด...แล้วตรงกลางหมวกยังมีเพชรเม็ดใหญ่มากติดอยู่บน หมวกใบนั้นด้วย..แล้วยายก็พูดกับจิรุจิรุว่า.." จิรุจิรุ..ลองสวมดูสิ แล้วหมุนเพชรเม็ดนั้น ไปทางด้านขวานะ.." จิรุจิรุ จึงเอื้อมมือขึ้นไปและหมุนเพชรไปทางด้านขวาอย่างที่ ยายคนนั้นบอกทันที...แล้วอะไรกันนั่น!!!มีแสงสว่างเป็น 7สีเหมือนสายรุ้ง สว่างจ้า..พรุ่งออกมา..สว่างไสวทั่วไปหมดทั้งบริเวณนั้นเลยหละ....มหัศจรรย์เหลือเกิน... แล้วในท่ามกลางความมหัศจรรย์กลางแสงสว่างที่พรุ่งออกมานั้น...ก็บังเกิดมีเทพ แห่งขนมปัง,เทพแห่งนมและเทพแห่งน้ำตาล..ออกมาวิ่งกระโดดโลดเต้นไปมา อย่างดีอกดีใจ..แล้วตรงนั้นก็เช่นกันแมวและหมาที่ทั้งสองเลี้ยงไว้นั้นก็ลุกขึ้นยืน ได้แบบคน...ดูสิ..มหัสจรรย์จริง ๆ..แล้วจากตรงกลางของแสงสว่างจ้านั้นก็ปรากฏ มีเทพธิดาแห่งแสงสว่างที่สวยงามมากออกมายืนสงบนิ่งและยิ้มอย่างใจดีกับ จิรุจิรุและมิจิรุ ทั้งสองพี่น้องตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าอย่างที่สุด แล้วตรงนั้นยายที่อยู่ในเมืองก็พูดขึ้นมาแทรกความตะลึงตะลานทั้งหมดว่า "ส่า...เทพทุกองค์และเทพธิดาแห่งแสงสว่าง จงช่วยกันพา...จิรุจิรุและมิจิรุ ไปตามหา"นกสีฟ้า" ตั้งแต่บัดนี้เถิด.." แล้วประตูของการเดินทางไปสู่ความ มหัศจรรย์ก็เปิดแง้มออก..... เมื่อทั้งสองเดินออกมาพ้นประตู...ตรงนั้นเป็นหน้าบ้านของทั้งสองเอง แต่วันนี้ที่ตรงหน้าบ้านไม่รู้ว่ามีบันใดอันยาวเหยียดพาดทอดสูงขึ้นไปสู่สวรรค์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่..บันใดนั้นพาดยาวเหยียดเป็นเส้นตรงเหมือนขีดเส้น มองเห็นลิบ ๆขึ้นไปสู่สวรรค์จริง ๆด้วย...ทุกคนค่อย ๆเดินขึ้นบันใดไปทีละ ขั้น ๆตามเทพธิดาแห่งแสงสว่างซึ่งเป็นที่ผู้ก้าวเดินนำหน้าไปติด ๆ...เมื่อเดินขึ้น มาได้สักพักหนึ่งก็มาถึง " เมืองแห่งความทรงจำ" ที่หน้าเมืองแห่งความทรงจำนี้ ปรากฏว่ามีตาและยายของสองพี่น้องที่ตายล่วงลับไปนานแล้วออกมายืนต้อนรับ ทั้งสองอยู่....จริง ๆด้วย.....ตากับยายยืนยิ้มอย่างใจดีเหมือนเดิมแล้วพูดว่า "จิรุจิรุและ มิจิรุ ดีใจที่ได้พบกับเจ้าทั้งสองอีกครั้ง..ตากับยายดีใจเหลือเกิน.. " ตาจ๋ายายจ๋า..เราสองคนก็คิดถึงตากับยายมากเหลือเกิน "..ใช่แล้วจากนี้ ก็เป็นเวลาแห่งความสุขเมื่อได้พบกับสิ่งที่เคยรักและต้องพรัดพรากและ เมื่อได้มาพบ ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข...ใช่แล้ว..อยากจะหยุดเวลา "ให้มีแต่ตรงนี้จังเลย "...จิรุจิรุและมิจิรุคิด..แต่..ไม่มีเวลาแล้ว..แล้วในที่สุด เมื่อหมดเวลา...ตากับยายจึงพูดกับจิรุจิรุและมิจิรุว่า " ตากับยายสองคน จะอยู่ในใจของเจ้าเสมอ..คิดถึงเมื่อไหร่ ก็จะได้พบตลอดกาลนะลูก...จำไว้ " เมื่อตาและยายพูดเสร็จแล้วก็มอบ " นกสีฟ้า" ให้กับจิรุจิรุและมิจิรุ เป็นของ ขวัญ...ทั้งสองเดินถือกรงนกสีฟ้า ลงบันใดจากเมืองแห่งความทรงจำ กลับมาบ้านของตน..แต่เมื่อทั้งสองเดินลงบันใดมาถึงที่หน้าบ้านเข้าเท่านั้น นกสีฟ้าที่ตากับยายให้มา ก็กลับกลายเป็นนกสีดำ เปลี่ยนไปในทันทีทัน ใดนั้นเลย.... เทพธิดาแห่งแสงสว่างที่ตามมาติด ๆภายหลังจึงพูดว่า " เห็นทีว่าพวกเรา จะต้องไปที่ " ปราสาทแห่งความมืด " แล้วหละ..จิรุจิรุและมิจิรุ " เมื่อทั้งสามออกเดินทางไปสู่ปราสาทแห่งความมืดแล้ว พวกเทพที่ยังคง เหลือและรออยู่ในบ้านของจิรุจิรุและมิจิรุรวมทั้งแมวและหมาด้วยนั้น ก็เกิดการถกเถียงกันอย่างโกระหลขึ้นมา...อยู่ ๆก็มีเสึยงหนึ่งพูดขึ้นว่า " นี่ถ้า จิรุจิรุและมิจิรุ ไปพบนกสีฟ้าที่ปราสาทแห่งความมืดเข้า...พวกเราก็ต้อง กลับกลายเป็นเหมือนเดิม น่ะสิ..แล้วก็ไปโดนพวกมนุษย์ทั้งหลายกลั่น แกล้งเอาเหมือนอย่างเดิมใช่ไหม?..ไม่ดีเลย..พวกเราต้องแย่แน่ ๆ..แฮ้.." ที่พูดขึ้นมาก็คือ..แมวจอมฉลาดนั่นเอง... หมานั่งฟังอยู่เงียบ ๆจึงพูดโผลงเถียงแมวไปว่า " จิรุจิรุและมิจิรุ ใจดีกับ พวกเราเสมอไม่ใช่หรือ?..จะไปขัดขวางทำไม? " แต่เจ้าแมวรีบตอบกลับ ไปว่า " ไม่เอาหรอก..ไม่เอา ข้าไม่อยากเป็นเหมือนเดิม ถึงจิรุจิรุและมิจิรุ จะดีกับข้าอย่างไร..ก็ไม่เอาด้วยหรอก ข้าจะต้องไปขัดขวางไม่ให้ได้พบ นกสีฟ้า เป็นอันขาด..มาใครที่เห็นด้วยกับข้า..มา..เราไปขัดขวางกันเถอะ" แต่ไม่มีใครในที่นั้นเห็นด้วยเลยสักนิดแมวจึงโมโหเลยกระโดดออกจาก บ้านและเดินทางไปแต่ผู้เดียวทันทีนั้น...หมาเห็นแมวคิดไม่ดี และเดินทางไปแล้ว ก็ให้เป็นห่วงจิรุจิรุและมิจิรุเป็นอันมาก จึงรีบออกเดิน ทางตามหลังแมวไปติด ๆ... เมื่อแมวเดินทางมาถึงปราสาทแห่งความมืดก่อนใคร ๆทั้งหมดแล้ว..ก็รีบเข้าไปหา แม่มดเจ้าของปราสาทแห่งความมืดทันที เจ้าแมวรีบเล่าเรื่องราวต่าง ๆที่จิรุจิรุและมิจิรุ พร้อมทั้งเทพธิดาแห่งแสงสว่าง..ว่ากำลังจะมาตามหานกสีฟ้าที่นี่ในไม่ช้านี้แล้วหละ แม่ มดจึงเกิดพิโรธขึ้นมาทันทีและตะโกนก้องด้วยความโกรธว่า "เห..อะไร ! เจ้าว่าเทพธิดาแห่ง แสงสว่างก็จะมาด้วยหรือนี่?หือ "แล้วตรงนั้น จิรุจิรุและมิจิรุก็มาถึงพอดี...ดูสิ..แล้วก็ไม่รู้ อิโน่อิเน่อะไรเลยด้วยสิ..." ข้าแต่เจ้าหญิงแห่งความมืด พวกเรามาตามหานกสีฟ้า..นก ตัวนั้นมันอยู่ที่นี่หรือปล่าว ? " แม่มดจึงตอบกลับไปแบบสุดแสนจะชาเย็นเป็นที่สุดว่า "อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ! เจ้าจะมาหาอะไร ?มันก็ไม่เกี่ยวกับข้านี่ แต่ข้าเกลียดเทพธิดา แห่งแสงสว่าง นะจะบอกให้..ส่า..รีบออกไปจากที่นี่แต่โดยไวเถอะ.."แม่มดว่าแล้วก็หัน หลังเตรียมที่จะหนีไปที่อื่น... " ได้โปรดเถิด..อย่านึกโกรธอย่างนั้นสิ เจ้าหญิงแห่งความมืด..พวกเรามีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องได้พบเจ้านกสีฟ้าตัวนั้นอย่างมาก..ขอได้โปรดอย่าโกรธเลย..ช่วยเปิดทางให้กับ พวกเราเถอะนะ " จิรุจิรุและมิจิรุเห็นว่าแม่มดเจ้าของปราสาทแห่งความมืดไม่ยอมตอบกลับ มาว่าอะไร ?คงเพราะนางคงเกลียดแสงสว่างอย่างมาก..รีบเดินถอยหายไปจากที่นั้นทันที... ทั้งสามจึงถือโอกาศเดินเข้าไปภายในแล้วตามหานกสีฟ้าทันทีเหมือนกัน..ภายในปราสาทที่ มืดทึบมีห้องเรียงกันอยู่มากมายเป็นแถวยาวมากทีเดียว " มิจิรุ เราลองเปิดห้องนี้ดูก่อนดีไหม?" จิรุจิรุพูดชวนน้องสาวแล้วเอื้อมมือไปหมุนเพชรบนหมวกไปทางด้านขวา...แล้วในท่ามกลาง แสงสายรุ้งที่สว่างจ้านั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก....แต่ ! จากในห้องนั้นก็มีภูตผี ปีศาจและสัตว์ ประหลาดต่าง ๆจากนรก วิ่งพลูกันออกมาจากห้องมากหมาย..." โอ้ย..น่ากลัวเหลือเกิน... หนีกันเถอะ..." " ห้องนั้นมันห้องรวมผีปีศาจ แน่นอนเลย..ฮี้.." แล้วเทพธิดาแห่งแสงสว่างก็เอ่ยชวนให้ทุกคน ไปที่ห้องที่อยู่ลึกเข้าไปซึ่งเป็นห้องสุดท้าย.." มาที่ห้องนี้เถอะ จิรุจิรุและมิจิรุ..." ห้องนี้เป็น " ห้องแห่งความฝัน " เมื่อเข้าไปในห้องแล้ว ห้องทั้งห้องมีดอกไม้มากมายบานสะพรั่งเต็มห้องไปหมด แล้วภายในห้องบนเพดานยังมีนกสีฟ้ามากมายบินว่อนโฉบไปโฉบมาเต็มไปหมดเลยอีกด้วย...ทุกคน ช่วยกันตามจับนกสีฟ้ากันอย่างรีบร้อน...แต่ ! เมื่อจับตัวไหนใส่ลงไปในกรงแล้ว...ทุกตัวก็มีอันต้อง ตายไปทุกตัวนั้นเลย...ทำไมถึงเป็นและแปลกแบบนี้..ก็ไม่รู้ ???....

เทคนิคการจัดสวนขนาดเล็ก

  1. การปูพื้นด้วยอิฐดินเผาที่มีราคาไม่สูงมากนักแถมง่ายในการดูแลรักษา โดยอาจเลือกใช้อิฐสีอ่อนช่วยหลอกตาให้พื้นที่เล็กๆดูกว้างขวางขึ้นแล้วเพิ่มลูกเล่นด้วยการปลูกต้นหนวดปลาดุกเป็นกลุ่มสลับกับพื้นอิฐเพื่อสร้างแพทเทิร์นที่น่าสนใจและเพิ่มความนุ่มนวลให้กับพื้นสวน


  2. บริเวณแนวหลังคาด้านบน ทำเป็นระแนงไม้สีขาวเพื่อสร้างความโปร่งโล่ง ให้ลมและแสงแดดส่องผ่าน ได้ทั้งความรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัวจากสายตาเพื่อนบ้านข้างเคียง


  3. ปิดบังรั้วปูนที่ไม่น่ามองด้วยไม่ไผ่ต้นที่เรียงตอเป็นแนวยาว โดยวางบนขอบปูนไม่ให้สัมผัสกับผิวดินเพื่อป้องกันไม่ให้โดนความชื้นจากพิ้นดิน


  4. ใช้วัสดุตกแต่งหรือองค์ประกอบสวนที่เหมาะสม เช่น รูปปั้น แผ่นทางเดิน พรรณไม้ที่มีขนาดเล็กมาช่วยให้พื้นที่สวนดูกว้างขวางขึ้น โดยจัดให้องค์ประกอบ อย่างรูปปั้นอยู่ด้านหน้าและจัดให้พรรณไม้ขนาดเล็กอยู่ด้านหลัง เพื่อสร้างมิติทางสายตา


  5. การเพิ่มพื้นที่จัดสวนในแนวตั้ง แทนแนวระนาบเป็นเทคนิคการพรางสายตาให้สวนดูมีพื้นที่มากขึ้น อาจใช้ตอไม้ที่มีความสูงลดหลั่นกันลงมา แล้วปลูกพรรณไม้เกาะติดหรือใช้ปลูกไม้แขวนก็ได้
www.heritage-houses.com